หางจิ้งจอกแดง (Myriophyllum tuberculatum)
| นามสกุล | วงศ์ฮาโลรากาซี |
|---|---|
| สีของใบ | สีส้มแดง |
| รูปร่างของใบ | ใบหยัก |
| ขนาดใบ | เล็ก |
| การเจริญเติบโต | เร็ว |
| การผสมพันธุ์ | การตัด |
| โรคและแมลงศัตรูพืช | ความเสียหายของใบและมอส |
เรดฟ็อกซ์เทลเป็นไม้น้ำสำหรับปักชำและปลูก โดดเด่นด้วยสีส้มแดงสด สร้างความโดดเด่นให้กับตู้ปลา กิ่งก้านและใบเรียวเล็กแผ่กว้างคล้ายฟ็อกซ์เทล เมื่อปลูกในพุ่มไม้ จะช่วยสร้างความสวยงามละเอียดอ่อนและโดดเด่น มักวางไว้ตรงกลางหรือด้านหลังเพื่อสร้างมิติความลึก ด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ฟ็อกซ์เทลยังช่วยดูดซับสารอาหารส่วนเกิน ช่วยลดปริมาณสาหร่ายที่เป็นอันตรายในตู้ปลาอีกด้วย
หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลสัมพันธ์เท่านั้น สภาพความเป็นอยู่ของต้นไม้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยเชิงวัตถุอื่นๆ อีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแลพืชน้ำเรดฟ็อกซ์เทล
ความยากลำบากในการปลูกพืชน้ำ Red Foxtail Weed
![]()
ระดับความยาก: 3-4/6
ต้นเรดฟ็อกซ์เทล เหมาะสำหรับผู้เล่นระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง เพราะว่า:
✅ มีพืชหลายชนิดที่เลี้ยงง่ายและโตเร็ว (เช่น เฟิร์นน้ำ, หญ้าช้อน, บัวบก)
✅ เพิ่มคุณค่าทางสุนทรียะ กรองน้ำและสร้างออกซิเจนให้กับตู้ปลา
✅ สามารถปลูกลงดินน้ำโดยตรงหรือลงดินลอยน้ำได้
✅ พืชบางชนิดต้องการ CO₂ และแสงที่แรง แต่พืชที่เติบโตง่ายหลายชนิดต้องการแสงปานกลางเท่านั้น
ความเป็นมาและโภชนาการของ หางจิ้งจอกแดง: 2/5

✅ วัสดุรองพื้นสำหรับน้ำ
สาหร่ายหางจิ้งจอกแดง ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เพราะจะถูกดูดซึมผ่านใบและลำต้นเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม หากปลูกในตู้ปลาที่มีต้นไม้ที่มีราก ควรใช้วัสดุปลูกที่มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์ (ADA Amazonia, Gex, Tropica เป็นต้น) เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบนิเวศและให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อน้ำ
✅ โภชนาการ
- ปุ๋ยน้ำ → จำเป็นเนื่องจากพืชดูดซับสารอาหารส่วนใหญ่ผ่านทางใบ
- องค์ประกอบที่สำคัญ:
N (ไนโตรเจน) → ช่วยให้ใบเขียวและเจริญเติบโตเร็ว
K (โพแทสเซียม) → รักษาใบให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี
เหล็ก (Fe) → คงไว้ซึ่งสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์
ธาตุอาหารรอง (Mg, Mn, Zn, B…) → ช่วยในการสังเคราะห์แสงและการเจริญเติบโต
💡 เคล็ดลับการดูแลต้นไม้:
ใบเหลือง → ขาดธาตุเหล็กหรือไนโตรเจน
ใบมีจุดและรูเล็กๆ → ขาดธาตุโพแทสเซียม
การเพิ่ม Fe จะช่วยให้พืชมีสีแดงที่สวยงามมากขึ้น
แสงสว่างที่เหมาะสมสำหรับ หางจิ้งจอกแดง
![]()
📌 รายละเอียดแสงไฟ:
✅ ดีที่สุด: พืชน้ำต้องการแสงจาก 6–10 ชั่วโมง/วันใช้ไฟตู้ปลาเฉพาะทาง (LED, T5, T8) แทนแสงธรรมชาติ พืชใบสีแดง (หญ้าสีแดง ฟาแลนนอปซิสสีชมพู ฯลฯ) ต้องการแสงที่แรงเพื่อรักษาสีสัน
✅ สามารถทนทานต่อ: แสงปานกลางหรือแสงน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ (เฟิร์น ดอกไม้ทะเล มอส) อย่างไรก็ตาม ต้นไม้จะเติบโตช้าและใบจะมีสีสันน้อยลง
🚫 หลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด: ควรวางตู้ปลาไว้ในที่แสงน้อย หรือเปิดไฟเพียงวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง เมื่อขาดแสง ใบของต้นไม้จะเหลือง ลำต้นและใบจะอ่อนลง และสาหร่ายที่เป็นอันตรายจะเติบโต
💡 หมายเหตุพิเศษ:
หากใบมีขนาดเล็ก สีซีด หรือก้านยาวผิดปกติ → อาจเกิดจากการขาดแสง
สามารถปรับระยะห่างระหว่างแสงกับผิวน้ำได้ (20-40 ซม. ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช)
เวลาแสงที่เหมาะสม: 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง/วันหลีกเลี่ยงการเปิดปิดไฟตลอดเวลา เพราะจะทำให้พืชปรับตัวได้ยาก
📍 ตำแหน่งที่เหมาะสมในบ้าน:
วางตู้ปลาไว้ใกล้หน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติให้มากที่สุด
หากไม่มีแสงธรรมชาติ → ต้องใช้ไฟตู้ปลา
ห้ามใช้หลอดไฟธรรมดา (ฮาโลเจน, หลอดไส้) เนื่องจากความร้อนที่สูงจะทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น
อุณหภูมิ เหมาะสำหรับ หางจิ้งจอกแดง
🌿 อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับพืชน้ำ: 22 – 28 องศาเซลเซียส
📌 ลักษณะเด่น :
พืชน้ำส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน → ชอบอากาศอบอุ่น เจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 22–28°C
สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้ แต่จะไม่เจริญเติบโตในที่ที่หนาวหรือร้อนจัด
🚫 ต่ำกว่า 15°C: ต้นไม้เจริญเติบโตช้า ใบเหลืองง่าย รากอ่อนแอ และถึงขั้นหยุดเจริญเติบโต
🚫 สูงกว่า 32°C: น้ำร้อนทำให้เกิดการขาดออกซิเจน พืชเหี่ยวเฉาง่าย และสาหร่ายเติบโต
📌 บันทึก:
✅ ในฤดูร้อน ควรใช้พัดลมถังหรือเครื่องทำความเย็นเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
✅ ในฤดูหนาวสามารถใช้เครื่องทำความร้อนเพื่อรักษาอุณหภูมิถังให้สูงกว่า 20°C ได้
✅ หลีกเลี่ยงการวางตู้ปลาใกล้แหล่งความร้อน (เตา, แสงแดดโดยตรง) หรือในที่มีลมเย็น
ค่า pH ที่เหมาะสม ให้ หางจิ้งจอกแดง
![]()
📌 ค่า pH ของน้ำที่เหมาะสม: 6.5 – 7.5 (เป็นกลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย)
✅ พืชน้ำส่วนใหญ่เจริญเติบโตได้ดีในช่วง 6.5 – 7.0
✅ พืชบางชนิด (วงศ์ Araceae, เฟิร์น, มอส) สามารถทนต่อค่า pH ที่เป็นด่างเล็กน้อยได้ (สูงสุด 8.0) แต่การเจริญเติบโตจะช้ากว่า
✅ หากค่า pH ต่ำเกินไป (<6.0): ใบเหลือง รากอ่อนแอ ต้นไม้เจริญเติบโตช้า
✅ หากค่า pH สูงเกินไป (>8.0) พืชจะดูดซึมธาตุเหล็กและธาตุอาหารเสริมได้ยาก ซึ่งอาจทำให้ใบอ่อนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่าย
💡 เคล็ดลับการดูแล:
ตรวจสอบค่า pH ของน้ำเป็นระยะด้วยชุดทดสอบน้ำในตู้ปลาหรือพืช
สามารถใช้งานได้ พีทมอส ใบอัลมอนด์แห้ง เพื่อลดค่า pH หากน้ำมีความเป็นด่างมากเกินไป
ใช้ ปะการังบด, ผงโดโลไมต์ หากคุณต้องการเพิ่มค่า pH ของถังด้วยน้ำที่มีความเป็นกรดมากเกินไป
ความต้องการ CO2
เรดฟ็อกซ์เทลเป็นพืชน้ำที่มีความต้องการ CO₂ ปานกลางถึงสูง สาหร่ายชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตในตู้ปลาได้โดยแทบไม่ต้องเติม CO₂ เลย แต่ลำต้นจะยาว ใบจะมีสีเขียวอ่อน และสีแดงจะมองเห็นได้ยาก เมื่อได้รับ CO₂ ในปริมาณที่คงที่ (ประมาณ 20–30 มก./ล.) ร่วมกับแสงที่ส่องถึงและสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ พืชจะเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ใบจะหนาขึ้นและมีสีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์
ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ด้านสุนทรียศาสตร์สูงสุด การเสริม CO₂ จึงแทบจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืชชนิดนี้
การดูแลตัดแต่งกิ่ง
✅ การตัดแต่งกิ่งเป็นประจำ ช่วยให้ทะเลสาบโปร่งสบาย ต้นไม้เล็กเจริญเติบโตได้ดี และป้องกันตะไคร่น้ำ
✅ ทำความสะอาดใบเหี่ยวเฉา → หลีกเลี่ยงการย่อยสลายในน้ำ
✅ การจัดเรียงต้นไม้ใหม่: ต้นไม้สูงด้านหลัง ต้นไม้ขนาดกลางตรงกลาง ต้นไม้เตี้ยด้านหน้า → สร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามและไม่ปิดกั้นแสง
✅ กับพืชลำต้น: เมื่อตัดส่วนปลายแล้วสามารถปลูกต่อเพื่อขยายพันธุ์ได้
ความแข็ง (kH, gH)
1️⃣ gH – ความแข็งทั่วไป
![]()
📍 ช่วงที่เหมาะสม: 4 – 6 dGH (น้ำอ่อนถึงปานกลาง)
✅ ผลกระทบ:
หาก gH ต่ำเกินไป (< 3): พืชขาด Ca, Mg → ใบจะนิ่ม อ่อนแอ และเน่าง่าย
หาก gH สูงเกินไป (> 10–12): ธาตุอาหารรอง (Fe, Mn) จะดูดซึมได้ยาก → พืชจะสูญเสียสีแดง ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด
📌บทสรุป: gH ปานกลางช่วยสาหร่ายหางจิ้งจอกแดง เปลี่ยนเป็นสีแดงสดใบมีความแข็งแรงทนทาน.
2️⃣ kH – ความเป็นด่าง (ความกระด้างของคาร์บอเนต)

📍 ช่วงที่เหมาะสม: 2 – 4 ดีเคเอช
✅ ผลกระทบ:
หากค่า KH ต่ำเกินไป (< 2): ค่า pH ผันผวนอย่างมาก พืชอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม
หากค่า KH สูงเกินไป (> 8): ค่า pH ยังคงสูงอยู่ Fe จะดูดซึมได้ยาก → พืชจะมีสีแดงน้อยลงและมีสีซีด
📌 สรุป: ค่า kH ปานกลางช่วยได้ การรักษาเสถียรภาพของ pH (6.2 – 6.8) สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้พืชดูดซับธาตุอาหารรอง โดยเฉพาะ Fe เพื่อให้ได้สีแดงสด
คู่มือการดูแลต้นไม้ในร่ม
ความรู้พื้นฐานที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ในร่ม:









